ยาไมเกรน ยารักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน Ergotamine มีข้อควรระวังและข้อห้ามใช้ค่อนข้างมาก ดังนั้น การรับประทานยาอย่างถูกต้อง ควรฟังคำแนะนำของแพทย์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญ ในหน้านี้เราจึงอยากจะมาให้คำแนะนำกับคนที่กำลังเป็นอยู่ ข้อมูลที่เราให้เป็นข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญแน่นอน
ยาไมเกรน
โรคไมเกรน จะมีลักษณะเฉพาะ คือ มีอาการปวดตุ้บๆ เป็นจังหวะ มีคลื่นไส้ อาเจียน และเมื่อเจอแสงแดด อากาศร้อน หรือปัจจัยกระตุ้น ก็จะทำให้อาการปวดหัวแย่ลง ซึ่ง “การทานยาไมเกรน” เป็นวิธีการลดอาการไมเกรนที่เป็นที่นิยม แต่รู้หรือไม่ว่า การทานยาไมเกรนโดยไม่ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด หรือไม่ผ่านการสอบถามจากเภสัชกรหรือแพทย์ ก็อาจส่งผลข้างเคียงที่อันตรายร้ายแรงได้
อาการปวดไมเกรน…มักเกิดจากปัจจัยกระตุ้นเหล่านี้
- ภาวะความเครียด
- แสงแดด
- อากาศที่เปลี่ยนแปลง
- กลิ่นฉุน กลิ่นบุหรี่
- ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงมีประจำเดือน
- อาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต ชา หรือกาแฟ
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
Ergotamine คืออะไร ?
Ergotamine เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน ออกฤทธิ์ในการรักษาอาการปวดศีรษะโดยการกระตุ้นตัวรับของสารสื่อประสาทซีโรโทนิน (serotonin) ซึ่งส่งผลให้หลอดเลือดที่ขยายตัวผิดปกติเกิดการหดตัวลงและทำให้อาการปวดศีรษะหายไปในที่สุด ในประเทศไทย ยา ergotamine ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยตัวยาสำคัญ คือ ergotamine tartrate ขนาด 1 มิลลิกรัม ผสมอยู่กับ caffeine 100 มิลลิกรัม
การใช้ยา ergotamine ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ?
การใช้ยา ergotamine สำหรับรักษาโรคปวดศีรษะไมเกรนจะต้องใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการปวดเท่านั้น ห้ามใช้ติดต่อกันทุกวันเพื่อป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรนเด็ดขาด ขนาดการรับประทานยาที่เหมาะสม คือ รับประทานเมื่อมีอาการปวดศีรษะไมเกรนในครั้งแรก 1 หรือ 2 เม็ด จากนั้นทุกๆ ครึ่งชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้นสามารถรับประทานซ้ำอีกครั้งละ 1 เม็ด แต่ห้ามรับประทานเกิน 6 เม็ดต่อวัน และห้ามรับประทานยาเกิน 10 เม็ดต่อสัปดาห์ เนื่องจากหากรับประทาน ergotamine ในปริมาณที่มากกว่านี้อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น รวมทั้งมีอาการเจ็บหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียนมากกว่าเดิม
ถ้าใช้ยา ergotamine ผิดวิธีส่งผลเสียอย่างไร ?
Ergotamine เป็นยาที่ใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการปวดศีรษะกำเริบเท่านั้น แต่ผู้ป่วยบางรายกลับรับประทานยา ergotamine ติดต่อกันทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการปวดศีรษะไมเกรน ซึ่งถือว่าเป็นการใช้ยาอย่างผิดวิธีที่อาจส่งผลเสียรุนแรงต่อชีวิตได้ การรับประทานยา ergotamine ติดต่อกันไปเรื่อยๆ จะส่งผลทำให้ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดในสมองแตกหรือหัวใจวายได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองอยู่แล้ว
ข้อควรระวังในการรับประทานยา ergotamine ?
ผู้ป่วยที่รับประทานยา ergotamine อาจมีอาการดังต่อไปนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ความดันโลหิตสูง
- ปลายมือ-เท้าเย็น หรือชา
- ใจสั่น เจ็บหน้าอก
- ปฏิกิริยากับยาอื่นๆ หรือ ยาตีกัน (drug interaction) อาจได้รับผลข้างเคียง หรือความเป็นพิษจากยาเพิ่มขึ้นได้ และเพื่อป้องกันการเกิดยาตีกัน ผู้ป่วยจึงควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งว่ายาที่ตนเองรับประทานอยู่มีอะไรอยู่บ้าง
ข้อห้ามใช้ของยา ergotamine
ผู้ป่วยที่ห้ามใช้ยา ergotamine ได้แก่
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา ergotamine หรือสารที่เป็นอนุพันธ์ของ ergotalkaloid
- ผู้ป่วยที่มีประวัติหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน
- ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องในการทำงานของตับและไต
- ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary arterydisease) และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (angina)
- ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมไม่ได้
- ผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด (sepsis)
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ (ทุกไตรมาส)
ข้อควรระวังในการรับประทานยาไมเกรน
- การที่ผู้ป่วยรับประทานยาแก้ปวดบ่อยๆ อาจทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า Medication-overuse headache ซึ่งทำให้เมื่อผู้ป่วยทานยาแก้ปวดแล้วอาการปวดหัวไม่ดีขึ้นแต่กลับแย่ลง
- ยารักษาอาการปวดหัวจากไมเกรนในแต่ละกลุ่มยา มีข้อควรระวังแตกต่างกันไป เช่น ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ยาที่มีส่วนผสมของเออโกทามีน (Ergotamine) หากรับประทานร่วมกับยาบางชนิดอาจทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดหดตัว หรือมีอาการบิดเกร็งและกระตุกได้
การเลือกที่จะรับประทานยาเองนั้น เราจำเป็นต้องค้นหาข้อมูลยา ผลข้างเคียงของยาก่อนที่จะรับประทาน หากเป็นไปได้โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรสอบถามเภสัชกร หรือพบแพทย์เพื่อเลือกกลุ่มยาที่เหมาะสมสำหรับอาการปวดหัวของผู้ป่วยโดยที่เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด